大学生活的十大误解!!第七点是你没错了

小能 0 2024-08-18

 在进入大学之前,我们都会对大学生活充满了各种各样的幻想,而你的想像究竟是幻想还是现实呢,我们来看一看中学生对大学生活的十大误解,看看其中有没有你呢?

  1. เวลาว่างเยอะ

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... เรียนมัธยมไม่มีเวลาว่างเลย ว่างแค่ตอนพักเที่ยงกับหลังเลิกเรียนนิดหน่อย เพราะส่วนใหญ่ก็มีเรียนพิเศษต่อใช่มั้ยละ เรียนทั้งวัน ไม่ว่างเลย แต่เรียนมหาวิทยาลัย เวลาว่างเพียบ ชิวจะตาย เรียนเช้าบ้าง บ่ายบ้าง สบายสุดๆ เวลาว่างเยอะ

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... น้องๆ รู้มั้ยว่าเวลาว่างที่เว้นเอาไว้ มันคือพื้นที่ทำรายงานและอ่านหนังสือล้วนๆ เลย ซึ่งการแบ่งเวลาจะอยู่ใน ประมวลรายวิชา(Course Syllabus)นั่นแหละ เค้าจะบอกเลยว่าต้องอ่านหนังสืออะไรบ้าง มีงานอะไรบ้าง มีหนังสืออะไรบ้างที่ต้องอ่านมาก่อน ฯลฯ พี่ๆ เค้าอยากจะบอกน้องจะตายว่า เห็นเงียบๆ งานเพียบนะจ๊ะ!!!

  1. ตื่นสายได้

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... ตั้งแต่เล็กจนโตเราไปโรงเรียนกันตั้งแต่เช้า บางคนออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย แต่ถ้าเข้ามหาวิทยาลัย เราจะต้องตื่นสายได้แน่ๆ ได้นอนเต็มอิ่ม แถมวิชาเรียนน้อยจะตาย

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... ความจริงแล้วที่พี่ๆ มีเรียนบ่าย ต้องย้อนกลับไปถามค่ะว่า ได้นอนกันกี่โมง บางทีงานเยอะมากไม่ได้หลับไม่ได้นอน เป็นซอมบี้ไปเรียนก็บ่อยเพราะต้องปั่นงานอย่างหนัก แถมน้องๆ ก็ต้องรู้ไว้ด้วยว่าเรียนเช้าพี่ก็มีเช่นกัน แถมเข้าเรียนทีนึง คลาสยาวๆ 2-3 ชม. เข้าเรียน 8 โมงเช้า ออกจากคลาสอีกทีเที่ยง!! โอ้โห ไม่ได้พักระหว่างคาบเลยนะ T^T

  1. ไม่มีหนังสือเรียน

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... เรียนมัธยมไปโรงเรียน แบกหนังสือหนักมาก อย่างกะแบกบ้าน ทั้งหนังสือ สมุด แฟ้ม ฯลฯ ยังไม่รวมอุปกรณ์การเรียน รอเข้ามหาวิทยาลัยก่อน จะชิวๆ สะพายกระเป๋าชิคๆ ไปเรียนเลยคอยดู๊!!!

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... หยุดก่อนน้องๆ การไม่มีหนังสือไม่ใช่เรื่องดี เพราะนั่นหมายถึงการไปค้นหนังสือในห้องสมุดตามที่อาจารย์สั่ง ซึ่งหนังสือมีน้อย แล้วเราก็มักจะไปไม่ทันเพราะเด็กเนิร์ดจะคว้าไปก่อนแล้ว - -“ ปัญหาที่ตามมาคืองานถ่ายเอกสารต้องมา เป็นการจ่ายเงินไปอีก ยังไม่พอเพียงแค่นั้น นอกจากไม่มีหนังสือเรียนแล้ว ยังไม่มีหนังสือเรียนที่เขียนเป็นภาษาไทยด้วย แถมยังมีชีทให้อ่านเป็นตั้งๆ น้องๆ ขา หนังสือเรียยนะ อ่านง่ายที่สุดแล้ว

  1. ไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... ตอนเรียนมัธยมฯ ต้องเข้าเรียนทุกคาบ โดดเมื่อไหร่โดนเช็คชื่อเรียกผู้ปกครองตลอด ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ เราจะเข้าเรียนก็ได้ไม่เรียนก็ได้ จะนอนให้สบายใจไปเลย!

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... ไม่ใชแค่เด็กมัธยมฯ หรอกค่ะที่ต้องเข้าเรียน พี่เองก็เหมือนกัน อาจจะน่ากลัวกว่าด้วย เพราะน้องๆ ถ้าขาดเรียนไปบ้าง คุณครูยังใจดีคอยตาม และให้โอกาสเรื่องเวลาเรียน แต่พี่ๆ ไม่มีใครคอยตาม ไม่มีคนคอยเตือน แถมเข้าเรียนไม่ครบก็ไม่มีการปราณี ตัดสิทธิ์สอบไปเลยหรือไม่ก็ลดเกรดทันที เรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องเข้าเรียนเหมือนกันนะ ไม่ได้สบายกว่าตอนเรียนมัธยมฯ หรอก

  1. ได้แต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไปเรียน

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... ตอนเรียนมัธยมฯ แค่ตัดผมผิดระเบียบยังโดนทำโทษเลย อยากจะทำสีผม แต่งหน้า เสริมหล่อ ทำตัวให้สวยบ้างก็ยากจัง งั้นไว้ทำตอนอยู่มหาวิทยาลัยดีกว่า จะหล่อ สวย ทำสีผม แต่งตัว ใส่เครื่องประดับเท่าไหร่ก็ได้ คอยดูสิ

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า ....ก็จริงอยู่ที่พี่ๆ สามารถใส่เครื่องประดับ ทำผม แต่งหน้า เซ็ทผม เสริมหล่อ ทำตัวสวยๆ ยังไงก็ได้ แต่โลกจริงๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงจะมีสิทธิในการทำอะไรก็ได้ตามต้องการ แต่เวลามันไม่ได้เอื้อให้พี่ๆ มาแต่งหน้า แต่งตัว เซ็ทผมหล่อสวยไปเรียนตลอดหรอกนะ เพราะบางวันแค่ตื่นไปเรียนให้ทันก็ยากแล้ว

  1. การบ้าน / รายงาน น้อยมาก

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... เรียนมัธยมฯ รายงานเยอะมาก มีทุกวิชา วิชาละหลายๆ เล่ม ต้องทำรายงานหนักมาก ไหนจะมีการบ้านอีก กองเป็นภูเขาเลย อยากจะเรียนมหาวิทยาลัยไวๆ การบ้านน้อย รายงานน้อยมากกว่านี้เยอะ

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... การบ้านอาจจะน้อย รายงานน้อย แต่แต่ละชิ้นนี่ อื้มมม คะแนนเยอะมาก ใช้เวลาทำนาน ค้นคว้านาน ไม่สามารถเสิร์ชๆ แล้วส่งได้เลย ชีวิตจริงเด็กมหาวิทยาลัยหนักกว่าที่น้องคิดเยอะ ไหนจะมีงานที่ Assign มาอีกล่ะ หนังสือที่ต้องอ่านมาก่อนไม่งั้นก็มาคุย จุดนี้งานน้อย แต่ต่อยหนัก พลาดแล้วพลาดเลยนะ

  1. หาแฟนได้แน่

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... เป็นเด็กมัธยมฯ มีแฟนเนี่ยยากมาก พ่อแม่ก็ไม่ปลื้ม คุณครูก็จับจ้อง เพื่อนก็ล้อ ไหนจะปัญหาจากตัวเองที่ยังไม่สวย ไม่หล่ออีกล่ะ เห้อออ ฝากความหวังไว้ที่มหาวิทยาลัยละกัน เราจะได้เจอเพื่อนใหม่ หนุ่มหล่อ สาวสวยเพียบ คราวนี้แหละ เราต้องมีแฟนแน่ๆ

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... อธิบายตรงนี้เลยนะคะ ว่าไม่ใช่เราจะหาแฟนได้ง่ายๆ ในมหาวิทยาลัย เพราะปัจจุบัน บอกตรงๆ โสดมาตั้งแต่เข้าเรียนยันจบเรียนจบก็เยอะค่ะ ไม่สามารถการันตีได้ว่าเราจะได้เจอเนื้อคู่เสมอไป ทำใจไว้ประมาณนึง ถ้าเจอก็ชวนกันไปในทางที่ดี ถ้าไม่เจอ ก็ตั้งใจเรียน แค่นั้นเองเนอะ

  1. อาจารย์ต้องเก่งกว่าแน่ๆ

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... เบื่อจังเลยเนอะ ตอนเรียนก็ซ้ำกับที่เรียนพิเศษ ที่เรียนพิเศษก็สอนซ้ำกับในห้องเรียน ซ้ำไปซ้ำมา บางเรื่องก็รู้อยู่แล้ว รอเข้ามหาวิทยาลัยก่อนเถอะ เราคงได้เจออาจารย์ที่เก่งและก็สอนเราในเรื่องที่เราอยากเรียนแน่ๆ

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า .... อาจารย์ทุกท่านเก่งหมดแหละ ไม่ว่าจะสอนน้องมาในระดับชั้นไหน สำหรับในรั้วมหาวิทยาลัย ท่านก็เก่งแบบมหาวิทยาลัย สอนแบบตั้งคำถามให้น้องไปหาคำตอบ แต่คุณครูช่วงมัธยมฯ จะดูแลน้องแบบป้อนความรู้ให้น้องๆ ถึงที่ ไม่ต้องคิดต่อ ก็เรียกว่าสอนกันคนละแบบกันเนอะ

  1. สนุกกับกิจกรรม

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ...เรียนมัธยมฯ กิจกรรมใหญ่สุดก็พวกกีฬาสี กีฬาจังหวัด หรือกิจกรรมการแข่งขัน ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรเยอะขนาดนั้นถ้าเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยเราคงได้ทำกิจกรรม ทั้งกิจกรรมในคณะ กิจกรรมข้ามคณะ กิจกรรมในมหาวิทยาลัย กิจกรรมต่างมหาวิทลัย แค่คิดก็สนุกแล้ว

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า ....อันที่จริงแล้ว กิจกรรมที่ให้ทำเยอะมากสำหรับช่วงมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องทำแค่พอดีๆ ถ้ามากไปก็เบียดบังเวลาเรียน แต่ถ้าน้อยไปก็เสียดายช่วงเวลาที่จะได้รู้จักคนใหม่ๆ อีกอย่างบางกิจกรรมก็เป็นกิจกรรมบังคับที่ถ้าไม่ทำก็จะไม่ผ่านการประเมินตามหลักสูตร ต้องระวังให้มาก อย่าสนุกมากเกินไปละกัน

  1. เข้าได้ก็จบได้

เด็กมัธยมฯ เข้าใจว่า ... กว่าจะสอบเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้มันก็ยากเย็นมากพอแล้ว เข้าได้ก็ต้องจบแน่นอน เพราะมันคงไม่น่าจะยากไปกว่าการสอบแอดมิชชั่นเข้าไปแน่นอน

เด็กมหา'ลัย บอกเลยว่า ....เปลี่ยนความคิดเลย!! การแอดมิชชั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นความยากของการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เพราะเรียนจริงๆ หนักกว่าสอบเข้ามาก!! ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วจะเรียนจบแน่ๆ ไม่ว่าจะ ม.รัฐบาล หรือ ม.เอกชน ถ้าอยากเรียนจบ ต้องขยัน ตั้งใจ และใส่ใจเรียนให้มากกว่าตอนมัธยมฯ

又值开学季,泰国留学签证知多少?
重要的事情问10个,我准备好留学了吗?
相关文章